การกอดหรือการสัมผัสทางกายเป็น 1 ใน 3 ทางรับรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์นอกเหนือ จากการมองเห็นและการได้ยิน การรับรู้ทางประสาทรับรู้เหล่านี้มีผลต่อการเจริญ พัฒนา และมีสุขภาพจิตที่ดีในอนาคต

เมื่อแรกเกิดสิ่งที่ทารกรับรู้ ได้ง่ายที่สุดคือ การสัมผัส เพราะประสาทตาและหูยังไม่พัฒนาเต็มที่นัก การรับรู้ทางผิวหนังให้ข้อมูลหลายอย่าง ทั้งความสุขและความเจ็บปวด เช่น การลูบไล้เป็นความสุข ถูกตีก็ตรงกันข้าม ความอุ่นทำให้รู้สึกดี ความเย็นไม่ใช่ นอกจากนั้นความเจ็บปวดยังเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับสมองอีกด้วย เด็กเล็กๆนั้นไวต่อประสาทสัมผัสมากกว่าผู้ใหญ่ อย่างน้ำอุ่นๆ สำหรับผู้ใหญ่ อาจจะร้อนเกินไปสำหรับเด็กก็ได้ จากการที่เด็กเล็กๆ ไวต่อการสัมผัส จึงมีการแนะนำให้มีการสัมผัสเด็กตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นการลูบตัวเบาๆ หรือการกอดที่คุณแม่ถามมาก็ตาม เพราะเป็นสื่อสัมพันธ์ซึ่งจะบอกเด็กได้ถึงความอ่อนละมุน ความเอ็นดูเอาใจใส่และความรักที่เรามีต่อเขา ที่น่าสนใจและควรระลึกไว้เสมอคือการสัมผัสเป็นสิ่งที่คนเราต้องการตลอดชีวิต แน่นอนว่าบางช่วงบางวัยการสัมผัสอาจสำคัญกว่าวัยอื่นๆ เช่น วัยเด็กอย่างที่กล่าว อีกทีเห็นจะเป็นวัยชราที่คนเรากลับมาต้องการการสัมผัสมาก เพราะประสาทตาและหูเริ่มย้อนรอยเดิม

ดังนั้นการกอดหรือสัมผัสไม่มีคำว่าสายครับ สิ่งที่คุณแม่เป็นห่วง คือ การกอดเมื่อเด็กโตจะสายเกินไป หรือเปล่า ไม่หรอกครับถ้าเด็กคนนั้นชอบ ทดสอบดูสิครับ ถ้าไม่ชอบก็เลี่ยงไปสัมผัสอย่างอื่น เช่น โอบ เอว โอบไหล่ หรือกอดจากข้างหลังก็ใช้แทนกันได้ และอย่างที่กล่าวแล้ว เมื่อเด็กโตขึ้น การสัมผัสไม่ใช่สิ่งเดียวที่เด็กจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรามีต่อเขา คำพูด น้ำเสียงที่เขาได้ยิน กิริยาอาการหรือภาษากาย (body language) ที่เขาเห็นก็เป็นสิ่งที่เด็กสัมผัสได้ด้วยใจเช่นเดียวกัน ทำให้ครบสำคัญกว่าไปเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งใช่ไหมครับ

 

ที่มา : baby.haijai.com