การรับรู้ถึงคุณค่าของตัวเองนั้นได้มาจากพัฒนาการ 2 ส่วนใหญ่ๆ ทางหนึ่งมาจากคำชมเชย การกล่าวชมเชยเมื่อลูกมีความพยายามที่จะตั้งใจทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ กับอีกทางคือการประเมินตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร เด็กได้รับการฝึกให้ช่วยเหลือตนเองได้ ถ้าผลลัพธ์ต่อตัวเองออกมาทางบวก ลูกก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเอง มีความเคารพและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง เกิดความภาคภูมิใจและมั่นใจ แต่ถ้าความรู้สึกเป็นไปในทางลบ ก็จะทำให้รู้สึกได้ว่าตัวเองจะไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ ไม่เก่ง ไม่มีคุณค่า แย่มากในสายตาคนอื่น ฯลฯ ดังนั้นการสร้างให้ลูกมี self esteem หรือมองเห็นคุณค่าในตัวเองตั้งแต่ในตอนเล็ก ๆ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย
การสร้างตัวตนของเด็กจะเกิดขึ้นตั้งแรกเกิดจนกระทั่งอายุ 3 ขวบ พอหลัง 3 ขวบลูกจะเริ่มสร้างตัวตนที่ชัดเจนพอสมควร และจะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งการได้มองเห็นหรือมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง” พ่อแม่จึงมีผลกับ self esteem ของลูกเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญ คือ พ่อแม่ต้องตระหนักถึง “ตัวตน” ของตัวเองด้วยว่า พ่อแม่คือคนที่ใกล้ชิดลูกมากและเป็นคนที่ลูกรักมากที่สุด สิ่งที่ลูกพยายามแสดงให้เห็นก็เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ ดังนั้นการเลี้ยงดูของพ่อแม่ในช่วง 3-4 ขวบปีแรกจึงมีอิทธิพลต่อการรับรู้ถึงความมีคุณค่าในตนเองของลูก ประการต่อมาคือ ทัศนคติของพ่อแม่ที่มีต่อตัวลูก พ่อแม่ต้องมีความเชื่อว่าลูกสามารถทำได้ เป็นเด็กดีและน่ารัก ซึ่งจะทำให้เด็กยอมรับในตัวตนที่พ่อแม่สร้างความมั่นใจให้นั่นเอง
4 วิธีเพิ่มความคิดที่เป็นบวกช่วยลูกให้เห็นคุณค่าของตนเอง
ไม่ใช้คำพูดเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น
เด็กทุกคนนั้นมีความแตกต่างกันทั้งพรสวรรค์ หน้าตา อารมณ์ ความสามารถที่แตกต่างกัน ในฐานะที่เป็นพ่อแม่การใช้เปรียบเทียบลูกกับคนอื่นนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือลูกไม่กล้าแสดงออก ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือการมองหาศักยภาพในตัวตนของลูก มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความชอบ สิ่งที่ลูกถนัด ให้ลูกเรียนรู้ว่าคุณค่าของตัวเองนั้นมาจากความสามารถ ความคิดดี ๆ ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์หน้าตา หากลูกพยายามทำสิ่งนั้นได้ดี การใช้คำพูดชมเชยในบางจังหวะก็จะทำให้ลูกได้รับกำลังใจ ยิ่งได้รับพลังบวกจากพ่อแม่มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ลูกรู้สึกมีค่าในตัวเองมากขึ้น
แสดงให้เห็นว่าลูกคือคนสำคัญ
หาโอกาสเข้าร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับลูก เช่น ไปงานกีฬาสี หรือการแสดงบนเวที เพื่อทำให้ลูกมองเห็นว่าเขาคือคนสำคัญสำหรับพ่อแม่ แสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูก คอยร่วมหัวเราะเวลาลูกทำตลก ชื่นชมกับผลงาน ให้เวลาเพื่อที่จะได้สร้างความสุขและความสนุกไปร่วมกัน
ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของลูก
ไม่มีใครทำอะไรได้เพอร์เฟค แม้แต่ตัวพ่อแม่เอง ลูกก็เช่นกัน ถ้าพ่อแม่ยอมยอมรับลูกในข้อดีและไม่ดีของลูกได้ ลูกก็จะเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองได้อย่างที่เป็นมองเห็นคุณค่าของตัวเองไปพร้อมๆ กับข้อไม่ดีที่ควรแก้ไขปรับปรุง การยอมรับตัวตนของลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้ลูกสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างถูกทาง และเมื่อยอมรับลูกได้แล้วก็ช่วยกันคิดหาทางที่เหมาะสมกับลูกด้วย เช่น ลูกไม่ชอบเรียนวิชานี้สิ่งที่แก้ไขได้ไม่ใช่แค่เรียนกวดวิชา แต่พ่อแม่ร่วมด้วยช่วยกันในการหาทางทำให้รู้สึกว่าวิชาที่ลูกไม่ชอบนั้นสนุกและไม่ยากอย่างที่ลูกคิด เป็นต้น
เปิดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจและแสดงความคิด
ลูกก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัว ดังนั้นการตัดสินใจบางเรื่องโดยเฉพาะในเรื่องของตัวลูกเองบางอย่างพ่อแม่อาจหันมาถามความคิดเห็น แสดงความชอบหรือไม่ชอบ โอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจเอง และสามารถโต้แย้งในเรื่อง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล หากพ่อแม่คอยสนใจและรับฟัง และคอยทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนความคิดที่ดีของลูก จะยิ่งทำให้ลูกเล็งเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
การปลูกฝังพื้นฐานการเลี้ยงลูกดี ๆ นั้นควรเริ่มต้นทำมาก ๆ ในสามขวบปีแรก ซึ่งจะทำให้ลูกสร้างและมีตัวตนให้รู้สึกรักตัวเอง ดูแลตัวเอง ควบคุมตัวเอง มองเห็นคุณค่าและมีความมั่นใจ ซึ่งจะทำให้พัฒนาตัวตนต่อเนื่องไปในอนาคตต่อไป.
ที่มา : www.si.mahidol.ac.th
www.breastfeedingthai.com
https://th.theasianparent.com