ผลวิจัยล่าสุดพบว่า ความฉลาดของลูกได้รับมาจากยีนแม่มากกว่าพ่อ โดยยีนแม่พบมากในสมองส่วนที่ควบคุมการใช้ความคิดและเหตุผล แต่ทั้งนี้ 40-60% ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ในสกอตแลนด์ ได้ทำการทดลองโดยใช้หนูดัดแปลงพันธุกรรม พบว่า หนูตัวที่ได้รับยีนแม่จะมีหัวและสมองที่ใหญ่แต่ตัวเล็ก ตรงกันข้ามกับหนูที่ได้ยีนพ่อ ที่มีสมองเล็กแต่ตัวใหญ่ และยังพบว่า ความฉลาดนั้นอยู่ในโครโมโซม X ที่ผู้หญิงมีถึงสองตัว (โครโมโซม XX) ขณะที่ผู้ชายมีโครโมโซม X เพียงตัวเดียว (XY) และเชื่อว่ายีนที่กระตุ้นการรับรู้ความเข้าใจที่มาจากพ่อ ดูเหมือนว่าเมื่อเติบโตมันจะหยุดทำงานไปโดยอัตโนมัติ
นักวิจัยระบุว่ายีนพ่อและยีนแม่มีความแตกต่างกันในหลายเรื่อง ทั้งด้านสติปัญญา นิสัย พฤติกรรมการกิน ความสามารถการจดจำ โดยยีนแม่สะสมอยู่มากบริเวณเปลือกสมอง (Cerebral Cortex) ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการใช้ความคิด การมีเหตุผล ภาษาและการวางแผน ขณะที่ยีนพ่อสะสมอยู่มากบริเวณระบบลิมบิค (Limbic) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานในส่วนของเพศ การกิน และอารมณ์
นอกจากนี้ยังได้ทำแบบสำรวจความฉลาด โดยสอบถามไปยังคนวัยหนุ่มสาวจำนวน 12,686 คน อายุระหว่าง 14-22 ปี ทุกช่วงอายุดังกล่าว และแม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาเกี่ยวกับความฉลาด ทั้งเชื้อชาติหรือสถานะทางสังคมเศรษฐกิจ นักวิจัยก็ยังพบว่า ปัจจัยสำคัญที่กำหนดความฉลาดนั้นก็คือ ไอคิวที่ได้มาจากแม่
อย่างไรก็ตาม ยีนจากพ่อหรือแม่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดความฉลาดเพียงอย่างเดียว เพราะกว่า 40-60% ความฉลาดของเด็กขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมของแต่ละคน ซึ่งความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่กับลูกก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความฉลาด โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐฯ ค้นพบว่า เด็กที่ได้รับการตอบสนองอารมณ์และเติมเต็มความรู้จากแม่จะมีสมองส่วนฮิปโปแคปมัสที่ควบคุมการเรียนรู้ ความทรงจำ การตอบสนองต่อความเครียด จะมีขนาดใหญ่โตกว่าขนาดปกติและมากกว่าเด็กที่มีแม่ไม่ใส่ใจทางอารมณ์ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่และลูกนั้น จะช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัย มีนิสัยชอบสำรวจสิ่งต่างๆ ในโลก และมีความมั่นใจในการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญ ยิ่งไปกว่านั้น แม่ที่ให้ความใส่ใจลูกจะช่วยให้เด็กแก้ปัญหาได้ และช่วยทำให้เด็กรู้ถึงศักยภาพของพวกเขาเอง
แต่ถึงอย่างนั้น นักวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ สัญชาตญาณ ที่ได้รับมาจากยีนพ่อ ก็ยังคงมีความสำคัญและช่วยพัฒนาสติปัญญาความฉลาดให้กับลูกด้วยเช่นกัน
ที่มา : https://workpointnews.com